การโอนรถยนต์ นั้น หลายท่านอาจเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่มีความยุ่งยาก ใช้เวลานาน แต่ที่จริงแล้ว การโอนกรรมสิทธิ์รถส่วนบุคคลในปัจจุบันสะดวกกว่าที่คุณคิด และไม่ได้ใช้เวลานานเป็นวันเหมือนในอดีต
ทั้งนี้ การโอนรถ เป็นการโอนกรรมสิทธิ์จากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง ซึ่งผู้โอนและผู้รับโอนต้องแจ้งต่อนายทะเบียนเฉพาะการโอนกรรมสิทธิ์ในรถซึ่งต้องเป็นรถที่จดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว แต่การโอนสิทธิครอบครองที่จดทะเบียนแล้ว อาทิ การเปลี่ยนผู้เช่าซื้อ ทางระบบทะเบียนถือว่าเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมรายการเท่านั้น
เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการโอนรถยนต์ส่วนบุคคล
- หนังสือคู่มือจดทะเบียนรถ คือเอกสารหลักฐานสำคัญที่ขาดไม่ได้
- บัตรประชาชนของเจ้าของเดิม หรือ นาย ก. ซึ่งควรสำเนามาให้เรียบร้อย (เอกสารที่ต้องทำสำเนา แนะนำว่าเตรียมมาหลาย ๆ ฉบับก็ได้ เผื่อมีการเซ็นผิดพลาดจะได้ไม่ลำบากหาที่ถ่ายเอกสารใหม่)
สำหรับกรณีที่เรารับโอนรถยนต์จากคนที่เสียชีวิตไปแล้ว เช่น รถยนต์ของญาติผู้ใหญ่ที่เพิ่งเสียชีวิตไป โดยท่านได้แจ้งความจำนงไว้ว่าจะยกให้เป็นมรดกของลูกหลานคนไหน ก็ต้องมี ใบมรณบัตร และ หนังสือ พินัยกรรม หรือ หนังสือราชการ คำสั่งศาล ที่มีข้อความ ที่มีการระบุว่ายกรถยนต์คันนี้ให้ทายาทคนใดหรือยกให้แก่ใคร เป็นต้น
ส่วนกรณี เป็นนิติบุคคล ต้องใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม มีเอกสารดังนี้
- ในกรณีผู้โอน และหรือ ผู้รับโอนไม่ได้มาดำเนินการด้วยตัวเอง ให้นำหนังสือมอบอำนาจ พร้อมกับสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบ
- สัญญาซื้อขาย พร้อมใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษี
- แบบคำขอโอนและรับโอน ซึ่งลงรายละเอียดและลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน
ค่าธรรมเนียม การโอนรถยนต์
ในส่วนของค่าธรรมเนียมการโอนรถยนต์ กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดไว้อย่างเป็นทางการ ว่าประชาชนผู้ใช้บริการโอนรถยนต์ส่วนบุคคลต้องมีค่าใช้จ่าย 5 หมวด ดังนี้
เงิน 5 บาท สำหรับค่าหนังสือ คำขอ ของทางราชการ
เงิน 100 บาท สำหรับ ค่าธรรมเนียมการโอนรถยนต์ส่วนบุคคล
เงิน สำหรับ ค่าอากรแสตมป์ ในสัดส่วนที่เพิ่มตามราคาที่มีการประเมินรถไว้ กล่าวคือ ค่าอากรแสตมป์ 500 บาท ต่อ รถมูลค่า 1 แสนบาท
เงิน 200 บาท สำหรับค่าป้ายทะเบียน กรณีนี้ จะจ่ายเฉพาะผู้ที่ต้องการเปลี่ยนป้ายฯ
เงิน 100 บาท สำหรับค่าทำเล่มทะเบียนใหม่ กรณีที่เล่มทะเบียนชำรุดฉีกขาด-เก่า
ขั้นตอน การโอนรถยนต์
เมื่อเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนในการโอนรถ โดยมีขั้นตอน ดังนี้
1 กรอกแบบฟอร์มคำขอและรับโอนที่ส่วนงานทะเบียนสำนักงานขนส่ง
2 เราต้องนำรถเพื่อรับการตรวจสภาพรถ ที่งานตรวจสภาพรถยนต์ที่สำนักงานขนส่งจังหวัด
3 เมื่อตรวจสภาพรถเสร็จ ก็ยื่นเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ และชำระค่าธรรมเนียมที่งานทะเบียนรถ
4 รับคู่มือจดทะเบียนรถ ใบเสร็จ เครื่องหมายเสียภาษี แผ่นป้ายทะเบียนรถ
การโอนลอย
การโอนลอย คือการที่เจ้าของรถ ขายรถให้กับผู้ซื้อ ซึ่งเจ้าของรถไม่ได้ไปโอนที่ขนส่งด้วยตัวเอง แต่ใช้วิธีเซ็นชื่อบนเอกสาร ซึ่งเอกสารในชุดโอนลอยที่ต้องเซ็นชื่อ ประกอบไปด้วย เล่มรถ , แบบคำขอโอนและรับโอน , หนังสือมอบอำนาจ , สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของรถ และ สำเนาทะเบียนบ้าน
อย่างไรก็ตาม ข้อดีข้อเสียของการโอนลอย มีดังนี้
ข้อดีของการโอนลอย การโอนลอย เป็นวิธีที่สะดวกสำหรับเต๊นท์รถ เพราะไม่จำเป็นต้องโอนรถมาเป็นชื่อของเต๊นท์ แต่สามารถส่งมอบเอกสารต่อให้กับผู้ซื้อเพื่อให้ดำเนินการต่อได้เลย
ข้อเสียของการโอนลอย หากโชคร้ายไปเจอกับผู้ซื้อที่ไม่โปร่งใส หรือมีเจตนากระทำผิด อาจก่อให้เกิดปัญหากับผู้ขายในภายหลังได้ เช่น ผู้ซื้อไม่ดำเนินการชำระภาษีรถประจำปี, รถเกิดอุบัติเหตุ, รถถูกนำไปก่ออาชญากรรม ฯลฯ เมื่อตรวจสอบกับระบบทะเบียน จะยังคงปรากฏชื่อเจ้าของรถรายเดิมนั่นเอง
นอกจากนี้ หากใช้วิธีการโอนลอย จะทำให้ผู้ซื้อไม่อาจตรวจสอบความถูกต้องของรถได้โดยสมบูรณ์ว่าเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมาหรือไม่ หรือกรณีรถถูกเปลี่ยนเครื่องหรือเลขตัวถังโดยไม่ได้ทำการแจ้งลงเล่ม ก็อาจทำให้ผู้ซื้อไม่สามารถโอนรถเป็นชื่อของตนได้